
ในซอยบ้านจะมีหมาตัวนึง มันคงไม่ค่อยชอบขิ้หน้าผมเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ผมเดินผ่าน
หน้าบ้านมันมันจะเห่ากระโจนใส่ประตูเหล็กอย่างบ้าคลั่ง ปานกับว่าผมเคยไปฆ่ าแม่
มันตๅยเวลาผมไปซื้อของหน้าปากซอย ผมเคยเล่าให้พ่อฟังว่า ไม่กล้าไป กลัวหมา
พ่อบอกผมว่าไม่ต้องกลัวหรอก.. หมาที่ดุที่สุด ให้ลูกชิ้นมันทุกวันๆ ซักวันมันก็จะ
เชื่องเอง นับแต่วันนั้น ผมเจียดเ งิน 5 บาท ซื้อลูกชิ้น 1 ไม้ ผมกินสองลูกแบ่งหมา
2 ลูกทุกวันวันแรกๆมันแทบ จะกระโดดกัดมือผมให้ได้ ถ้าไม่มีประตูเหล็ก ผมคงมือ
ขๅดไปแล้ว วันเวลาผ่านไปไม่นาน มันไม่เห่าผมอีกเลย กระดิกหางรอผมทุกเย็น
วันหนึ่งเจ้าของบ้าน ปิดประตูไม่สนิท มันวิ่งกระดิกหางมาหาผมหยอกเล่นกับผม
สนุกสนานตั้งแต่วันนั้น เราเป็นเพื่อนกันวิ่งเล่นกันมาโดยตลอด โตมาผมจึงนึกถึง
คำพ่อสอน..หมาที่ว่าดุๆเราหยิบยื่นไมตรีให้ มอบความเป็นมิตรให้“ดุแค่ไหนก็กลาย
เป็นเชื่อง” แต่กับคน ต่อให้เราดีแค่ไหน จริงใจแค่ไหน เลี้ยงอาหารดีแค่ไหน ก็ยัง
หักหลังเราได้ ลูกชิ้นไม่กี่ไม้ ซื้อใจหมาได้ตลอดชีวิต กับคนต่อให้เลี้ยงดีแค่ไหน
ก็เชื่อใจไม่ได้จริงๆ “หมาที่ว่าดุ..ยังไม่น่ากลัวเท่าใจคน” อย่าดูถูกหมา..เพราะมัน
ซื่อสัตย์กว่าใครบางคน
บางคน..ก็ดีด้วยจริงๆ
บางคน..ก็ดีแค่ต่อหน้า
บางคน..ก็เอาเราไปนินทา
บางคน..ก็คอยอิจฉาเรา
หน้าที่ของเราก็แค่รักษาคนดีๆไว้ ส่วนคนอื่นก็แค่ผ่านเข้ามาในชีวิต แค่เราอย่าเสีย
ความเป็นตัวเราก็พอ ไม่จำเป็นต้องฉลาดกับเรื่องที่ควรแกล้งโ ง่ อาจเป็นทางเลือก
ที่ดีกว่า ถ้าเราดีกับใคร เค้าจะดีตอบกลับมา แต่โลกแห่งความเป็นจริง สอนเราว่า
มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป..